เสียงและอักษรแทนเสียง
เสียงในภาษาไทยแบ่งออกเป็น ๓ ชนิด ด้วยกัน คือ เสียงสระ เสียงพยัญชนะและเสียงวรรณยุกต์
– เสียงสระ หรือเสียงแท้ เกิดจากลมที่ออกจากปอดโดยไม่ถูกอวัยวะใดกีดขวาง
– เสียงพยัญชนะ หรือเสียงแปร เกิดจากการลมที่ออกจากปอดแล้วถูกปิดกั้นทางเดิน ของลม ให้แคบลง ทำให้ลมผ่านไม่สะดวกจนต้องเสียดแทรกออกมา
– เสียงวรรณยุกต์ หรือเสียงดนตรี เกิดจากเสียงเปล่งออกมาพร้อมเสียงแปรจะมีเสียงสูง ต่ำ ตามการสั่นสะเทือนของสายเสียง
อวัยวะที่ทำให้เกิดเสียง ได้แก่ ปอด หลอดลม กล่องเสียง ลิ้นไก่ ลิ้น เพดานปุ่มเหงือก ฟัน และริมฝีปาก
รูปสระ
สระไทย ๒๑ รูป ดังนี้
๑. ะ วิสรรชนีย์ ๑๑ เ ไม้หน้า
๒. ั ไม้ผัดหรือไม้หันอากาศ ๑๒. ใ ไม้ม้วน
๓. ็ ไม้ไต่คู้ ๑๓. ไ ไม้มลาย
๔. ๆ ลากข้าง ๑๔. โ ไม้โอ
๕. ิ พินท์อิ ๑๕. อ ตัวออ
๖. ่ ฝนทอง ๑๖. ย ตัวยอ
๗. ํ นฤคหิต (หยดน้ำค้าง) ๑๗. ว ตัววอ
๘. ” ฟันหนู ๑๘. ฤ ตัวร
๙. ุ ตีนเหยียด ๑๙. ฤา ตัวรือ
๑๐. ู ตีนคู้ ๒๐. ฦ ตัวลึ
๒๑. ฦา ตัว ลือ
เสียงสระ
เสียงสระในภาษาไทยมี ๒๔ เสียงจำแนกเป็นเสียงเดี่ยวหรือสระแท้ ๑๘ เสียงสระเลื่อน ๖ เสียง
๑. สระเดี่ยว หรือสระแท้ มี ๑๘ เสียง ซึ่งมีเสียงสั้นเสียงยาว ๙ คู่ ดังนี้
รัสสระ (สระเสียงสั้น) ทีฆสระ (สระเสียงยาว)
อะ อา
อิ อี
อี อื
อุ อู
เอะ เอ
แอะ แอ
โอะ โอ
เอาะ ออ
เออะ เออ
๒. สระเลื่อน หรือสระประสม ในภาษาไทยมี ๖ เสียง คือสระที่มีการเลื่อนระดับของลิ้นจากเสียงหนึ่งไปยังเสียงหนึ่ง ได้แก่
รัสสระ (สระเสียงสั้น) ทีฆสระ (สระเสียงยาว)
เอียะ (อิ -> อะ) เอีย (อี -> อา)
เอือะ (อื -> อะ) เอือ (อื -> อา)
อัวะ (อุ -> อะ) อัว (อู -> อา)
คำที่มีสระเลื่อนเสียงสั้นมีเพียงไม่กี่คำที่ยืมมาจากภาษาอื่น เช่น เกี๊ยะ เปรี๊ยะ เบื๊อก เอื๊อก ผัวะ ยัวะ ด้วยเหตุนี้นักภาษาศาสตร์บางคนจึงถือว่าภาษาไทยมีสระเลื่อนเพียง ๓ เสียง คือ /เอีย/ /เอือ/ /อัว/
ข้อพิจารณา
๑. สระบางเสียงใช้อักษรแทนได้หลายรูป เช่น คำว่า “ไน” อาจเขียนว่า”นัย” หรือ “ใน” คำว่า “กำ” อาจเขียนว่า “กรรม”
๒. ในบางคำรูปสระบางรูปไม่ออกเสียง เช่นคำว่า ญาติ ประวัติ ุุ ในคำว่าเหตุธาตุ
๓. ในบางคำมีเสียงสระ /อะ/ แต่ไม่ปรากฏรูป เช่น สบาย ตลาด หวายอร่อย
๔. ไม้ไต่คู้ ใช้แสดงเสียงสั้นแต่คำบางคำเสียงสั้นก็ไม่นิยมใช้ไม้ไต่คู้ เช่น เพชร เบญจ
๕. ภาษาไทยมีรูปสระวางไว้หลายตำแหน่ง
วางไว้ข้างหน้าพยัญชนะ เช่น สระ เ- แ- ใ-
วางไว้ข้างหลังพยัญชนะ เช่น สระ -า
วางไว้ข้างบนพยัญชนะ เช่น สระ -ิ -ี
วางไว้ข้างล่างพยัญชนะ เช่น สระ -ุ -ู
วางไว้ข้างหน้าและข้างหลัง เช่น สระ เ-า
วางไว้ข้างหน้าและข้างบน เช่น สระ เ-ีย
๖. การใช้สระ มี ๓ ลักษณะ คือ
๑. สระคงรูป เช่น ใน เสา มี
๒. สระลดรูป เช่น ตก
๓. สระเปลี่ยนรูป เช่น มัน เห็น
เสียงพยัญชนะในภาษาไทย
เสียงพยัญชนะในภาษาไทย มี ๒๑ เสียง (๔๔ รูป)
พยัญชนะวรรค
พยัญชนะในภาษาไทย แบ่งออกเป็นวรรคตามฐานกรณ์ที่เกิดเสียง จัดลำดับตามจากแหล่งกำเนิดเสียงด้านในสุดออกมาตามลำดับ
ประโยชน์จากการแบ่งวรรคทำให้เกิดประโยชน์ทางหลักภาษาในเรื่อง อักษรสังโยค ไตรยางค์ อักษรคู่ อักษรเดี่ยว
อักษรสังโยค
อักษรสังโยค หรือหลักตัวสะกดตัวตาม เป็นหลักในการประสมอักษรในภาษาบาลี ช่วยให้เขียนหนังสือใช้ตัวสะกดการันต์ได้ถูกต้อง มีหลักปรากฏดังนี้
– ถ้าพยัญชนะแถวที่ ๑ เป็นตัวสะกดแถวที่ (หรือแถวตัวเอง) เป็นตัวตาม เช่น
บุปผา (ป เป็นตัวสะกด ผ เป็นตัวตาม)
อัจฉรา (จ เป็นตัวสะกด ฉ เป็นตัวตาม)
– ถ้าพยัญชนะแถวที่ ๓ เป็นตัวสะกด แถวที่ ๔ (หรือตัวเอง) เป็นตัวตาม
– ถ้าพยัญชนะแถวที่ ๕ เป็นตัวสะกดทุกตัวในวรรคตามได้หมด (รวมทั้งตัวเองด้วย)
เช่น สังขาร (ง เป็นตัวสะกด ข เป็นตัวตาม)
สัญจร (ญ เป็นตัวสะกด จ เป็นตัวตาม)
สมภพ (ม เป็นตัวสะกด ภ เป็นตัวตาม)
– พยัญชนะเศษวรรคที่เป็นตัวสะกดตัวเองตาม คือ ย ล ส
ไตรยางค์
ไตรยางค์ คือ อักษร ๓ หมู่ที่แยกเป็นกลุ่ม ๆ ตามลำดับเสียง
อักษรสูง มี ๑๑ ตัว คือ ข ฃ ฉ ฐ ถ ผ ฝ ศ ษ ส ห เช่น ผี ฝาก ไข่ ใส่ ถุง ให้ ฉัน
อักษรกลาง มี ๙ ตัว คือ ก จ ฎ ฏ ด ต บ ป อ เช่น ไก่ จิก เด็ก ตาบ บน ปาก โอ่ง
อักษรต่ำ มี ๒๔ ตัว คือ ค ฅ ฆ ง ช ซ ฌ ญ ณ ท ธ ฑ ฒ น พ ฟ ภ ม ย ร ล ว ฬ ฮ
อักษรคู่ อักษรเดี่ยว
อักษรต่ำ ๒๔ ตัว แบ่งออกเป็น ๒ พวก คือ
– อักษรต่ำคู่ คือ อักษรที่มีเสียงคู่กับอักษรสูง มี ๑๔ ตัว (พยัญชนะแถวที่ ๓, ๔) ได้แก่
ค ต ฆ คู่กับ ข
ฑ ฒ ท ธ คู่กับ ฐ ถ
ช ฌ คู่กับ ฉ
พ ภ คู่กับ ผ
ฮ คู่กับ ห
ซ คู่กับ ศ ษ ส
ฟ คู่กับ ฝ
– อักษรต่ำเดี่ยว คือ อักษรต่ำที่เสียงไม่คู่กับอักษรสูง มี ๑๐ ตัว (พยัญชนะแถวที่ ๕ กับเศษวรรค ย ร ล ว ฬ) ได้แก่ ง ญ ณ น ม ย ร ล ว ฬ เช่น งู ใหญ่นอน อยู่ ณ ริม วัด
หน้าที่ของพยัญชนะ
๑. เป็นพยัญชนะต้น คือ พยัญชนะซึ่งอยู่ต้นพยางค์ พยัญชนะทุกตัวทำหน้าที่เป็นพยัญชนะต้นได้
๒. เป็นตัวสะกด คือ พยัญชนะที่อยู่ท้ายพยางค์มี ๘ เสียง เรียกว่ามาตราสะกด ได้แก่
แม่กน มี น เป็นตัวสะกด และตัวอื่นทำหน้าที่เป็นตัวสะกดแทนได้ ได้แก่ น ญ ณ ร ล ฬ
แม่กง มี ง เป็นตัวสะกด
แม่กม มี ม เป็นตัวสะกด
แม่เกอว มี ว เป็นตัวสะกด
แม่กก มี ก เป็นตัวสะกด และตัวอื่นทำหน้าที่เหมือนตัว ก ได้แก่ ก ข ค ฆ
แม่กด มี ด เป็นตัวสะกดและตัวอื่นทำหน้าที่เหมือนตัว ด ได้แก่ ด จ ช ซ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ด ถ ท ธ
แม่กบ มี บ เป็นตัวสะกด และตัวอื่นทำหน้าที่เหมือนตัว บ ได้แก่ บ ป พ ฟ ภ
เสียงพยัญชนะท้ายพยางค์หรือพยัญชนะสะกด เช่น
/ก/ มัก มรรค สุก สุด เมฆ /ด/ บาท ชาติ คาด กฎหมาย ปรากฏ
/บ/ บาป พาบภาพ ลาภ กราฟ /ง/ ทาง องค์
/น/ กาน บริเวณ เรียน กาล กาฬ /ม/ คำ ธรรม
/ย/ ได ใย ชัย อาย /ว/ เสา สาว
๓. เป็นตัวการันต์ คือ พยัญชนะที่อยู่ท้ายแต่ไม่ออกเสียงส่วนมากมาจากภาษาอื่น
๔. เป็นตัวอักษรควบ คือ พยัญชนะที่ออกเสียงกล้ำกับ ร ล ว
๕. เป็นอักษรนำ คือ พยัญชนะ ๒ ตัวประสมกันสระเดียวกันแต่ออกเสียง ๒ พยางค์
๖. พยัญชนะที่เป็นรูปสระด้วย คือ ย ว อ
๗. พยัญชนะอัฒสระ คือ พยัญชนะที่มีเสียงกึ่งสระ ได้แก่ ย (อิ อี) ร (ฤ ฤา) ล (ฦ ฦา) อ (อุ อู )
๘. พยัญชนะที่ไม่ใช้เป็นตัวสะกด ได้แก่ ฌ ฉ ผ ฝ ห อ ฮ (ฃฅ)
๙. พยัญชนะทีทำไม่ใช้ในปัจจุบัน คือ ฃ ฅ
สรุปพยัญชนะที่ไม่ออกเสียง
๑. พยัญชนะที่มีเครื่องหมายทัณฑฆาตกำกับ
๒. พยัญชนะซึ่งตามหลังตัวสะกดในบางคำ
๓. ร หรือ ห ซึ่งนำพยัญชนะตัวสะกดในบางคำ
๔. ร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอักษรควบไม่แท้
เสียงวรรณยุกต์ คือ เสียงที่เปล่งออกมามีระดับสูงต่ำต่างกัน ทำให้ความหมายต่างกัน ด้วยซึ่งเป็นเสียงที่เกิดกับเสียงสระและเสียงพยัญชนะวรรค วรรณยุกต์ไทย มี ๕ เสียง ๔ รูป คือ
เสียง เสียงสามัญ เสียงเอก เสียงโท เสียงตรี เสียงจัตวา
รูป – ่ ้ ๊ ๋
ในบางคำรูปกับเสียงวรรณยุกต์อาจไม่ตรงกัน พยัญชนะต้น สระ และตัวสะกดมีความสำคัญต่อการในวรรณยุกต์ไม่น้อยกว่ารูปวรรณยุกต์ ในการเขียนจึงต้องพิจารณาสิ่งเหล่านี้ด้วย จึงจะใช้วรรณยุกต์ได้ถูกต้อง เช่น โน้ต เชิ้ต เสียงตรีแต่ใช้รูปวรรณยุกต์โทเป็นต้น
– เสียงสระ หรือเสียงแท้ เกิดจากลมที่ออกจากปอดโดยไม่ถูกอวัยวะใดกีดขวาง
– เสียงพยัญชนะ หรือเสียงแปร เกิดจากการลมที่ออกจากปอดแล้วถูกปิดกั้นทางเดิน ของลม ให้แคบลง ทำให้ลมผ่านไม่สะดวกจนต้องเสียดแทรกออกมา
– เสียงวรรณยุกต์ หรือเสียงดนตรี เกิดจากเสียงเปล่งออกมาพร้อมเสียงแปรจะมีเสียงสูง ต่ำ ตามการสั่นสะเทือนของสายเสียง
อวัยวะที่ทำให้เกิดเสียง ได้แก่ ปอด หลอดลม กล่องเสียง ลิ้นไก่ ลิ้น เพดานปุ่มเหงือก ฟัน และริมฝีปาก
เสียงสระ
เสียงสระ เกิดขึ้นโดยอาศัยคอเป็นที่ตั้ง และริมฝีปากหรือลิ้นกระทบอวัยวะในปากเป็นเครื่องช่วย ลิ้นที่ทำให้เกิดเสียงมีอยู่ ๓ ส่วน คือ ลิ้นส่วนหน้า ส่วนกลาง ส่วนหลังลิ้นแต่ละส่วนก็ยังสามารถกระดกขึ้นลงได้ ๓ ระดับ คือ สูง กลาง ต่ำ ถ้าลิ้นกระดกระดับต่าง ๆ เสียงสระที่เกิดขึ้นก็จะต่างกันไปด้วย จากตารางต่อไปนี้แสดงให้เห็นส่วนของลิ้นที่ทำให้เกิดสระต่าง ๆรูปสระ
สระไทย ๒๑ รูป ดังนี้
๑. ะ วิสรรชนีย์ ๑๑ เ ไม้หน้า
๒. ั ไม้ผัดหรือไม้หันอากาศ ๑๒. ใ ไม้ม้วน
๓. ็ ไม้ไต่คู้ ๑๓. ไ ไม้มลาย
๔. ๆ ลากข้าง ๑๔. โ ไม้โอ
๕. ิ พินท์อิ ๑๕. อ ตัวออ
๖. ่ ฝนทอง ๑๖. ย ตัวยอ
๗. ํ นฤคหิต (หยดน้ำค้าง) ๑๗. ว ตัววอ
๘. ” ฟันหนู ๑๘. ฤ ตัวร
๙. ุ ตีนเหยียด ๑๙. ฤา ตัวรือ
๑๐. ู ตีนคู้ ๒๐. ฦ ตัวลึ
๒๑. ฦา ตัว ลือ
เสียงสระ
เสียงสระในภาษาไทยมี ๒๔ เสียงจำแนกเป็นเสียงเดี่ยวหรือสระแท้ ๑๘ เสียงสระเลื่อน ๖ เสียง
๑. สระเดี่ยว หรือสระแท้ มี ๑๘ เสียง ซึ่งมีเสียงสั้นเสียงยาว ๙ คู่ ดังนี้
รัสสระ (สระเสียงสั้น) ทีฆสระ (สระเสียงยาว)
อะ อา
อิ อี
อี อื
อุ อู
เอะ เอ
แอะ แอ
โอะ โอ
เอาะ ออ
เออะ เออ
๒. สระเลื่อน หรือสระประสม ในภาษาไทยมี ๖ เสียง คือสระที่มีการเลื่อนระดับของลิ้นจากเสียงหนึ่งไปยังเสียงหนึ่ง ได้แก่
รัสสระ (สระเสียงสั้น) ทีฆสระ (สระเสียงยาว)
เอียะ (อิ -> อะ) เอีย (อี -> อา)
เอือะ (อื -> อะ) เอือ (อื -> อา)
อัวะ (อุ -> อะ) อัว (อู -> อา)
คำที่มีสระเลื่อนเสียงสั้นมีเพียงไม่กี่คำที่ยืมมาจากภาษาอื่น เช่น เกี๊ยะ เปรี๊ยะ เบื๊อก เอื๊อก ผัวะ ยัวะ ด้วยเหตุนี้นักภาษาศาสตร์บางคนจึงถือว่าภาษาไทยมีสระเลื่อนเพียง ๓ เสียง คือ /เอีย/ /เอือ/ /อัว/
ข้อพิจารณา
๑. สระบางเสียงใช้อักษรแทนได้หลายรูป เช่น คำว่า “ไน” อาจเขียนว่า”นัย” หรือ “ใน” คำว่า “กำ” อาจเขียนว่า “กรรม”
๒. ในบางคำรูปสระบางรูปไม่ออกเสียง เช่นคำว่า ญาติ ประวัติ ุุ ในคำว่าเหตุธาตุ
๓. ในบางคำมีเสียงสระ /อะ/ แต่ไม่ปรากฏรูป เช่น สบาย ตลาด หวายอร่อย
๔. ไม้ไต่คู้ ใช้แสดงเสียงสั้นแต่คำบางคำเสียงสั้นก็ไม่นิยมใช้ไม้ไต่คู้ เช่น เพชร เบญจ
๕. ภาษาไทยมีรูปสระวางไว้หลายตำแหน่ง
วางไว้ข้างหน้าพยัญชนะ เช่น สระ เ- แ- ใ-
วางไว้ข้างหลังพยัญชนะ เช่น สระ -า
วางไว้ข้างบนพยัญชนะ เช่น สระ -ิ -ี
วางไว้ข้างล่างพยัญชนะ เช่น สระ -ุ -ู
วางไว้ข้างหน้าและข้างหลัง เช่น สระ เ-า
วางไว้ข้างหน้าและข้างบน เช่น สระ เ-ีย
๖. การใช้สระ มี ๓ ลักษณะ คือ
๑. สระคงรูป เช่น ใน เสา มี
๒. สระลดรูป เช่น ตก
๓. สระเปลี่ยนรูป เช่น มัน เห็น
เสียงพยัญชนะ
พยัญชนะ แปลว่า การกระทำเสียงให้ปรากฏชัด หรือเครื่องหมายตัวอักษรที่ใช้แทนภาษาพูด พยัญชนะจะออกเสียงตามลำพังไม่ได้ต้องอาศัยสระเสียงพยัญชนะในภาษาไทย
เสียงพยัญชนะในภาษาไทย มี ๒๑ เสียง (๔๔ รูป)
พยัญชนะวรรค
พยัญชนะในภาษาไทย แบ่งออกเป็นวรรคตามฐานกรณ์ที่เกิดเสียง จัดลำดับตามจากแหล่งกำเนิดเสียงด้านในสุดออกมาตามลำดับ
ประโยชน์จากการแบ่งวรรคทำให้เกิดประโยชน์ทางหลักภาษาในเรื่อง อักษรสังโยค ไตรยางค์ อักษรคู่ อักษรเดี่ยว
อักษรสังโยค
อักษรสังโยค หรือหลักตัวสะกดตัวตาม เป็นหลักในการประสมอักษรในภาษาบาลี ช่วยให้เขียนหนังสือใช้ตัวสะกดการันต์ได้ถูกต้อง มีหลักปรากฏดังนี้
– ถ้าพยัญชนะแถวที่ ๑ เป็นตัวสะกดแถวที่ (หรือแถวตัวเอง) เป็นตัวตาม เช่น
บุปผา (ป เป็นตัวสะกด ผ เป็นตัวตาม)
อัจฉรา (จ เป็นตัวสะกด ฉ เป็นตัวตาม)
– ถ้าพยัญชนะแถวที่ ๓ เป็นตัวสะกด แถวที่ ๔ (หรือตัวเอง) เป็นตัวตาม
– ถ้าพยัญชนะแถวที่ ๕ เป็นตัวสะกดทุกตัวในวรรคตามได้หมด (รวมทั้งตัวเองด้วย)
เช่น สังขาร (ง เป็นตัวสะกด ข เป็นตัวตาม)
สัญจร (ญ เป็นตัวสะกด จ เป็นตัวตาม)
สมภพ (ม เป็นตัวสะกด ภ เป็นตัวตาม)
– พยัญชนะเศษวรรคที่เป็นตัวสะกดตัวเองตาม คือ ย ล ส
ไตรยางค์
ไตรยางค์ คือ อักษร ๓ หมู่ที่แยกเป็นกลุ่ม ๆ ตามลำดับเสียง
อักษรสูง มี ๑๑ ตัว คือ ข ฃ ฉ ฐ ถ ผ ฝ ศ ษ ส ห เช่น ผี ฝาก ไข่ ใส่ ถุง ให้ ฉัน
อักษรกลาง มี ๙ ตัว คือ ก จ ฎ ฏ ด ต บ ป อ เช่น ไก่ จิก เด็ก ตาบ บน ปาก โอ่ง
อักษรต่ำ มี ๒๔ ตัว คือ ค ฅ ฆ ง ช ซ ฌ ญ ณ ท ธ ฑ ฒ น พ ฟ ภ ม ย ร ล ว ฬ ฮ
อักษรคู่ อักษรเดี่ยว
อักษรต่ำ ๒๔ ตัว แบ่งออกเป็น ๒ พวก คือ
– อักษรต่ำคู่ คือ อักษรที่มีเสียงคู่กับอักษรสูง มี ๑๔ ตัว (พยัญชนะแถวที่ ๓, ๔) ได้แก่
ค ต ฆ คู่กับ ข
ฑ ฒ ท ธ คู่กับ ฐ ถ
ช ฌ คู่กับ ฉ
พ ภ คู่กับ ผ
ฮ คู่กับ ห
ซ คู่กับ ศ ษ ส
ฟ คู่กับ ฝ
– อักษรต่ำเดี่ยว คือ อักษรต่ำที่เสียงไม่คู่กับอักษรสูง มี ๑๐ ตัว (พยัญชนะแถวที่ ๕ กับเศษวรรค ย ร ล ว ฬ) ได้แก่ ง ญ ณ น ม ย ร ล ว ฬ เช่น งู ใหญ่นอน อยู่ ณ ริม วัด
หน้าที่ของพยัญชนะ
๑. เป็นพยัญชนะต้น คือ พยัญชนะซึ่งอยู่ต้นพยางค์ พยัญชนะทุกตัวทำหน้าที่เป็นพยัญชนะต้นได้
๒. เป็นตัวสะกด คือ พยัญชนะที่อยู่ท้ายพยางค์มี ๘ เสียง เรียกว่ามาตราสะกด ได้แก่
แม่กน มี น เป็นตัวสะกด และตัวอื่นทำหน้าที่เป็นตัวสะกดแทนได้ ได้แก่ น ญ ณ ร ล ฬ
แม่กง มี ง เป็นตัวสะกด
แม่กม มี ม เป็นตัวสะกด
แม่เกอว มี ว เป็นตัวสะกด
แม่กก มี ก เป็นตัวสะกด และตัวอื่นทำหน้าที่เหมือนตัว ก ได้แก่ ก ข ค ฆ
แม่กด มี ด เป็นตัวสะกดและตัวอื่นทำหน้าที่เหมือนตัว ด ได้แก่ ด จ ช ซ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ด ถ ท ธ
แม่กบ มี บ เป็นตัวสะกด และตัวอื่นทำหน้าที่เหมือนตัว บ ได้แก่ บ ป พ ฟ ภ
เสียงพยัญชนะท้ายพยางค์หรือพยัญชนะสะกด เช่น
/ก/ มัก มรรค สุก สุด เมฆ /ด/ บาท ชาติ คาด กฎหมาย ปรากฏ
/บ/ บาป พาบภาพ ลาภ กราฟ /ง/ ทาง องค์
/น/ กาน บริเวณ เรียน กาล กาฬ /ม/ คำ ธรรม
/ย/ ได ใย ชัย อาย /ว/ เสา สาว
๓. เป็นตัวการันต์ คือ พยัญชนะที่อยู่ท้ายแต่ไม่ออกเสียงส่วนมากมาจากภาษาอื่น
๔. เป็นตัวอักษรควบ คือ พยัญชนะที่ออกเสียงกล้ำกับ ร ล ว
๕. เป็นอักษรนำ คือ พยัญชนะ ๒ ตัวประสมกันสระเดียวกันแต่ออกเสียง ๒ พยางค์
๖. พยัญชนะที่เป็นรูปสระด้วย คือ ย ว อ
๗. พยัญชนะอัฒสระ คือ พยัญชนะที่มีเสียงกึ่งสระ ได้แก่ ย (อิ อี) ร (ฤ ฤา) ล (ฦ ฦา) อ (อุ อู )
๘. พยัญชนะที่ไม่ใช้เป็นตัวสะกด ได้แก่ ฌ ฉ ผ ฝ ห อ ฮ (ฃฅ)
๙. พยัญชนะทีทำไม่ใช้ในปัจจุบัน คือ ฃ ฅ
สรุปพยัญชนะที่ไม่ออกเสียง
๑. พยัญชนะที่มีเครื่องหมายทัณฑฆาตกำกับ
๒. พยัญชนะซึ่งตามหลังตัวสะกดในบางคำ
๓. ร หรือ ห ซึ่งนำพยัญชนะตัวสะกดในบางคำ
๔. ร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอักษรควบไม่แท้
เสียงวรรณยุกต์
เสียงวรรณยุกต์ คือ เสียงที่เปล่งออกมามีระดับสูงต่ำต่างกัน ทำให้ความหมายต่างกัน ด้วยซึ่งเป็นเสียงที่เกิดกับเสียงสระและเสียงพยัญชนะวรรค วรรณยุกต์ไทย มี ๕ เสียง ๔ รูป คือ
เสียง เสียงสามัญ เสียงเอก เสียงโท เสียงตรี เสียงจัตวา
รูป – ่ ้ ๊ ๋
ในบางคำรูปกับเสียงวรรณยุกต์อาจไม่ตรงกัน พยัญชนะต้น สระ และตัวสะกดมีความสำคัญต่อการในวรรณยุกต์ไม่น้อยกว่ารูปวรรณยุกต์ ในการเขียนจึงต้องพิจารณาสิ่งเหล่านี้ด้วย จึงจะใช้วรรณยุกต์ได้ถูกต้อง เช่น โน้ต เชิ้ต เสียงตรีแต่ใช้รูปวรรณยุกต์โทเป็นต้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น